ข้อมูลรั่วไหลบนโลกออนไลน์ ควรรับมือและป้องกันอย่างไรดี
ทุกวันนี้การใช้ชีวิตเต็มไปด้วยความสะดวกสบาย แต่ต้องแลกกับการนำข้อมูลส่วนบุคคลผูกกับบัญชีหรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อการใช้งาน ซึ่งไม่ต่างจากการแชร์ข้อมูลบนโลกออนไลน์ ถ้าข้อมูลรั่วไหลไปสู่มือมิจฉาชีพ ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลอาจถูกนำไปทำเรื่องผิดกฎหมายได้ ดังนั้นการรู้วิธีป้องกันข้อมูลรั่วไหลจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ ซึ่งบทความ SOSECURE ขอพาทุกคนไปทำความเข้าใจกับคำว่า “ข้อมูลรั่ว” ให้ถ่องแท้ เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์จากข้อมูลรั่วไหล
data breach คือสิ่งที่ทุกคนไม่ควรละเลย
ทำความรู้จัก ข้อมูลรั่วไหล คืออะไร ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ข้อมูลรั่วไหล คือ การที่ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลหลุดออกไปนอกองค์กรโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยข้อมูลรั่วไหลที่แฮกเกอร์มองหา มีทั้งชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านต่าง ๆ เบอร์มือถือ วันเกิดปีเกิด เลขบัตรประชาชน หมายเลขประกันสังคม ข้อมูลบัตรเครดิต ประวัติการช็อปปิง ข้อมูลลับทางการค้าหรือแผนธุรกิจ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลที่หลุดออกไปอาจถูกผู้ไม่หวังดีนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด เช่น
- ถูกนำเลขบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อฉ้อโกงผู้อื่น
- ใช้ข้อมูลบัตรเครดิตไปรูดซื้อสินค้าหรือบริการต่าง ๆ
- นำข้อมูลรั่วไหลอย่างความลับทางการค้าหรือแผนธุรกิจไปขายให้คู่แข่ง
- การส่ง SMS โฆษณาสินค้า บริการต่าง ๆ หรือข้อความก่อกวนมาทางมือถือและอีเมล
- นำข้อมูลไปปลอมแปลงบัญชีใหม่ เพื่อหลอกลวงให้ผู้อื่นหลงเชื่อและโอนเงินให้
จะเห็นได้ว่าข้อมูลรั่วไหลเป็นปัญหาร้ายแรงที่นำไปสู่การสูญเสียเงิน เสียชื่อเสียง และสร้างผลกระทบอื่น ๆ ได้อีกมากมาย การรู้สาเหตุที่ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลจะช่วยให้วางแผนการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ถูกต้อง
สาเหตุที่ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล เกิดจากอะไรได้บ้าง
ปัญหาข้อมูลรั่วไหลสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุและหลายช่องทาง ซึ่งการเข้าใจรูปแบบข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลจะช่วยให้สามารถหาวิธีป้องกันข้อมูลรั่วไหลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสาเหตุที่ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลออกไป
มีดังนี้
การโจรกรรมข้อมูล
การโจรกรรมข้อมูลหรือข้อมูลรั่วไหล data breach คือกรณีที่แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลสำคัญตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงระดับองค์กรโดยไม่ได้รับอนุญาต ถ้าข้อมูลรั่วไหลเป็นข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลทางการเงินระดับบุคคลอาจถูกนำไปใช้สวมรอยหรือขโมยเงินจากบัญชีธนาคาร แต่ถ้าเป็นระดับองค์กรข้อมูลรั่วไหลซึ่งเป็นความลับขององค์กรอาจถูกนำไปขายต่อให้บุคคลที่ 3 ถูกใช้เรียกค่าไถ่ หรือเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะก็ได้เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้ทำให้องค์กรเสียชื่อเสียง ขาดความน่าเชื่อถือ และอาจรุนแรงถึงขั้นล้มละลายได้
การปล่อยข้อมูลโดยไม่ตั้งใจ
เชื่อว่าทุกคนคงได้ยินคำเตือนให้ระวังเวลาโพสต์ภาพหรือข้อความบน Socail Media มาบ้าง โดยเฉพาะข้อมูลชื่อ-นามสกุล เบอร์มือถือ ทะเบียนรถ เลขบัญชี หรืออีเมล เพราะข้อมูลเหล่านี้สามารถเชื่อมโยงมาถึงเจ้าของข้อมูลได้ ซึ่งถ้ามีผู้ไม่หวังดีแฝงตัวเข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่มหรือเป็นลูกค้าอาจนำข้อมูลส่วนตัวไปทำเรื่องผิดกฎหมาย เช่น ใช้เลขทะเบียนรถไปสวมรอยเพื่อขนถ่ายสิ่งผิดกฎหมาย หรืออ้างว่าโอนเงินผิดแล้วติดต่อขอให้คืนเงิน เป็นต้น
เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ
เมื่อเข้าไปใช้บริการเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันจะมีขั้นตอนที่ให้เรากดตกลงให้ความยินยอมในการให้ข้อมูล ซึ่งรายละเอียดตรงส่วนนี้จะมีทั้งขอส่งข้อมูลเราไปให้บริษัทในเครือเพื่อการประชาสัมพันธ์บริการอื่น ๆ หรือขอเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล เบอร์มือถือ หรือชื่อ-นามสกุล เป็นต้น หากกดยินยอมโดยไม่อ่านข้อมูลให้ละเอียดหรือไม่เช็กข้อมูลของเว็บไซต์ที่ขอให้ดีก็เหมือนให้ข้อมูลกับคนไม่รู้จัก และข้อมูลส่วนตัวอาจถูกนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิดได้
เกิดจากคนในองค์กร
เป็นกรณีที่คนทำงานในบริษัททำข้อมูลรั่วไหลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวหรือเพื่อทำลายชื่อเสียงของบริษัท เช่น นำข้อมูลทางการค้าไปขายให้บริษัทคู่แข่ง หรือส่งข้อมูลสำคัญขององค์กรออกไปยังภายนอกด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เป็นต้น
ขาดมาตรการทำลายข้อมูล
องค์กรไม่มีมาตรการทำลายข้อมูลที่ปลอดภัยเพียงพอ จนทำให้ข้อมูลหลุดไปถึงมือบุคคลภายนอกหรือแฮกเกอร์ได้ เช่น ทิ้งเอกสารสำคัญลงถังขยะแทนการนำไปใส่เครื่องทำลายเอกสาร หรือลบข้อมูลสำคัญบนฮาร์ดดิสก์แบบไม่ปลอดภัยซึ่งเสี่ยงถูกแฮกเกอร์กู้ข้อมูลกลับมา เป็นต้น
ตั้งค่าระบบผิด
กรณีผู้ดูแลระบบไอทีไม่ได้กำหนดค่าระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเหมาะสม อาจเป็นสาเหตุที่แฮกเกอร์เจาะเข้ามาโจรกรรมข้อมูลสำคัญขององค์กรออกไปได้ ดังนั้นถ้ามีการติดตั้งระบบ Incident Response เพิ่มเติมจะช่วยให้รับมือกับสถานการณ์เมื่อถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้น
ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล ควรเลือกบริการตรวจสอบสาเหตุแบบไหนดี
เพื่อรับมือภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่พัฒนาตลอดเวลาอย่างครอบคลุม การนำเทคโนโลยีเข้ามาร่วมวิเคราะห์เพื่อตรวจจับภัยคุกคามและการบุกรุกแบบเรียลไทม์ นอกจากแก้ไขปัญหาข้อมูลรั่วไหลเพื่อลดผลกระทบได้อย่างรวดเร็ว ยังสามารถวิเคราะห์เหตุการณ์หลังถูกโจมตีเพื่อปรับปรุงมาตรการการป้องกันข้อมูลรั่วไหลให้ดียิ่งขึ้น และใครที่มองหาเครื่องมือไว้ตรวจสอบหลังเกิดเหตุข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลอยู่ ขอแนะนำบริการ Incident Response จาก SOSECURE ที่เข้ามาช่วยตรวจจับภัยคุกคาม วิเคราะห์เหตุการณ์ และตอบสนองอัตโนมัติเมื่อถูกโจมตี
สำหรับขั้นตอนตรวจสอบหาสาเหตุข้อมูลรั่วไหลของบริการ Incident Response จากโซซีเคียวจะมีดังนี้
- วิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากการละเมิดข้อมูล ติดมัลแวร์ หรือเป็นการละเมิดความปลอดภัยรูปแบบอื่น เพื่อนำข้อมูลมาหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
- ทำการป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อป้องกันการลุกลามและลดความเสียหายให้เหลือน้อยที่สุด พร้อมแจ้งขั้นตอนดำเนินการไปยังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
- ทำการกู้ระบบที่ได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตีทางไซเบอร์คืน พร้อมจัดการแพตซ์ของการแก้ไขช่องโหว่เพื่อป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ
- วิเคราะห์ข้อมูลหลังเกิดเหตุโจมตีทางไซเบอร์ที่ทำให้ข้อมูลรั่วไหลอย่างละเอียด และแนะนำการปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล
- ทำการตรวจสอบภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ รวมถึงอัปเดตระบบและแผนป้องกันข้อมูลรั่วไหลอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เท่าทันภัยคุกคามทางไซเบอร์
มาถึงตรงนี้เห็นได้ว่าบริการ Incident Response ของ SOSECURE เปรียบเสมือนเกราะป้องกันในการเผชิญกับความท้าทายด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องยังช่วยให้องค์กรแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเผชิญกับภัยคุกคามความปลอดภัยทางไซเบอร์ในอนาคตได้อีกด้วย
เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล มีวิธีป้องกันข้อมูลรั่วไหลอย่างไร
เมื่อทราบแล้วว่าข้อมูลรั่วไหลอันตรายแค่ไหน การมองหาวิธีป้องกันข้อมูลรั่วไหลจะช่วยไม่ให้เกิดการรั่วไหลข้อมูลเกิดขึ้นกับตัวคุณและองค์กรของคุณ ซึ่งโซซีเคียวมีแนวทางป้องกันข้อมูลรั่วไหลที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงมาฝากกัน
ตั้งรหัสผ่านที่รัดกุม
การตั้งรหัสผ่านถือเป็นวิธีป้องกันข้อมูลรั่วไหลขั้นพื้นฐาน ซึ่งการตั้งรหัสผ่านที่คาดเดายาก เช่น Password ยาว 12 ตัว ให้เลือกใช้ทั้งตัวเลข ตัวอักษรใหญ่ ตัวอักษรเล็ก และอักขระพิเศษผสมกัน ก็จะช่วยให้ผู้ไม่หวังดีเข้าถึงข้อมูลคุณได้ยากขึ้น ที่สำคัญรหัสผ่านที่ใช้
ไม่ควรซ้ำ Online Account อื่น ๆ นอกจากนี้ควรเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำทุก 3- 6 เดือน เพื่อป้องกันกรณีที่มีการรั่วไหลของข้อมูลโดยไม่รู้ตัว
หมั่นอัปเดตซอฟต์แวร์อยู่เสมอ
ซอฟต์แวร์เวอร์ชันเก่าเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ข้อมูลรั่วไหล ดังนั้นการอัปเดตซอฟต์แวร์บนมือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแล็ปท็อปอยู่เสมอ เพื่อแก้ไขช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถเข้ามายังระบบให้มีความปลอดภัยมากขึ้น
ใช้การตรวจสอบสิทธิ์ 2 ขั้นตอน
การยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอนจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณได้อีกขั้น แม้รหัสผ่านถูกขโมยหรือมีคนเดารหัสผ่านของคุณได้ก็ไม่ต้องกังวล เพราะระบบต้องการยืนยันตัวตนคุณอีกครั้งถึงเข้าบัญชีได้
ระวังสิ่งที่โพสต์บนโลกออนไลน์
การแชร์ข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดแบบสาธารณะ เช่น ที่อยู่อาศัยของตัวเอง เลขที่บัญชี หรืออัปเดตเหตุการณ์ต่างในชีวิตประจำวัน
อาจทำให้แฮกเกอร์หรือคนแปลกหน้านำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด ดังนั้นควรคิดให้ดีก่อนแชร์ข้อมูลเสมอ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
หมั่นตรวจสอบประวัติทางการเงิน
หลายคนเลือกผูกเลขบัตรเครดิต เลขบัญชีธนาคารกับเว็บช็อปปิงออนไลน์ อาจทำให้โดนแฮกข้อมูลไปสั่งซื้อสินค้าหรือบริการ
โดยไม่รู้ตัวได้ ซึ่งการจดบันทึกช่วยให้เห็นความผิดปกติได้ว่ามีการหักเงินอัตโนมัติ หรือยอดเงินแปลก ๆ เข้าออกบัญชีธนาคารของคุณหรือไม่
จับตาการหลอกลวงแบบ Phishing
การโจมตีแบบ Phishing หรือเว็บไซต์ คือ การหลอกลวงทางอินเทอร์เน็ตเพื่อขอข้อมูลสำคัญ เช่น ขอรหัสผ่าน หมายเลขบัตรเครดิต หรือหมายเลขบัตรประชาชน ดังนั้นควรเช็กผู้รับปลายทางว่าเป็นธนาคารหรือบริษัทที่น่าเชื่อถือก่อนส่งข้อมูลไป
ให้ความรู้กับพนักงานในองค์กร
การให้ความรู้เกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์แก่พนักงาน ตั้งแต่การตั้งรหัสผ่าน การสังเกตอีเมลน่าสงสัย จะช่วยให้พนักงานรู้เท่าทันและป้องกันตัวเองจากภัยไซเบอร์ในรูปแบบต่าง ๆ ได้
กำหนดวิธีรับมือภัยไซเบอร์
การกำหนดแนวทางรับมือเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ให้พนักงานทุกคนได้รับทราบอย่างชัดเจนทีละขั้นตอน จะช่วยลดความ
เสียหายเมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดหรือการโจรกรรมข้อมูลได้
การที่ข้อมูลรั่วไหลไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลหรือข้อมูลธุรกิจล้วนมีผลเสียในหลายด้าน โดยเฉพาะข้อมูลรั่วไหล
data breach คือการโจรกรรมข้อมูลที่สร้างความเสียหายให้แก่องค์กรเป็นอย่างมาก ดังนั้นการรู้วิธีป้องกันข้อมูลรั่วไหลจะช่วยปกป้องตัวคุณและธุรกิจจากภัยคุกคามซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นได้ สำหรับองค์กรหรือธุรกิจที่ต้องการใช้บริการด้านการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์สามารถติดต่อ SOSECURE เข้ามารับบริการด้านการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ให้กับองค์กร เพื่อยกระดับความปลอดภัยทางไซเบอร์จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ต่าง ๆ ให้องค์กรได้ดียิ่งขึ้น