SOC Service บริการเสริมเกราะป้องกันทางไซเบอร์แบบรอบด้าน จาก SOSECURE
SOC Service หรือ Security Operation Center คือบริการเสริมหนึ่งในบริการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ Cybersecurity ซึ่งเป็นการพัฒนาศูนย์เฝ้าระวังทางไซเบอร์จาก SOSECURE โดยศูนย์เฝ้าระวังทางไซเบอร์ Security Operation Center: SOC คือศูนย์กลางของระบบที่ทำหน้าที่คล้ายสำนักงานใหญ่ด้านความปลอดภัยในเครือข่ายที่อยู่ภายใต้การดูแลของทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในการวางระบบ SOC Service และดูแลด้าน Cybersecurity เพื่อติดตาม ตรวจจับ ตอบสนอง และบรรเทาภัยคุกคามจากเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์แบบเรียลไทม์
ทาง SOSECURE เข้าใจดีว่าการปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลของแต่ละองค์กรนั้นมีความสำคัญสูงมาก ด้วยข้อมูลต่าง ๆ ที่มีความสำคัญเหล่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เราอยากแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับบริการเสริมความปลอดภัยและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีความครอบคลุม อย่าง SOC Service และ CSOC Service เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถานะความปลอดภัยทางไซเบอร์ของทุก ๆ องค์กรในปัจจุบัน
…เพราะความปลอดภัยของคุณ คือสิ่งที่สำคัญสำหรับเรา…
“เสริมเกราะป้องกันภัยไซเบอร์ให้องค์กรด้วย
SOC Service จาก SOSECURE”
ทำไมต้องเลือกบริการ SOC Service ที่ SOSECURE?
บริการ SOC Service และ CSOC Service ของ SOSECURE ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร ซึ่งจะมีการนำเสนอ Solutions ที่ครอบคลุม เพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละองค์กรให้สามารถมั่นใจได้ว่าทุกแง่มุมของกลยุทธ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์จะสอดคล้องกับเป้าหมายและลำดับความสำคัญขององค์กรนั้น ๆ
✔ บริการ SOC Service กำหนดเองได้
SOSECURE ให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Service SOC โดยเฉพาะ เพื่อเลือกบริการที่ตอบโจทย์กับแต่ละองค์กร
✔ บริการจัดการภัยคุกคามอย่างทันท่วงที
ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีประสบการณ์ของ SOSECURE ทุ่มเทให้กับการระบุและจัดการกับภัยคุกคามก่อนที่จะเป็นอันตรายต่อองค์กร เพื่อให้มั่นใจว่าสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ภายในเครือข่ายยังคงปลอดภัยอยู่ ในรูปแบบ 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน
✔ บริการการหลักสูตรพัฒนาบุคลากร
ทาง SOSECURE มาพร้อมหลักสูตรการเรียนรู้ที่ช่วยเสริมศักยภาพสำหรับองค์กรที่ต้องการจัดตั้ง Security Operation Center ของตนเอง โดยจะให้การฝึกอบรมและคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ SOC Service อย่างละเอียดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของทีมองค์กร
✔ บริการบำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ
SOSECURE นำเสนอบริการที่รับรองได้ว่าอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ขององค์กรจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
นี่เป็นเหตุผลหลัก ๆ ที่เราได้หยิบยกขึ้นมาให้ทุกท่านได้เห็นถึงการเลือกใช้บริการ SOC Service ที่ SOSECURE ซึ่งหากท่านสนใจบริการไหน หรือสนใจ Cybersecurity คอร์สเรียนไหน ก็สามารถสอบถามถึงรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ของ SOSECURE ได้เลย
SOC Service และ CSOC Service มีความแตกต่างกันอย่างไร
สำหรับใครที่มีข้อสงสัยว่า SOC Service และ CSOC Service ทั้ง 2 สิ่งนี้คืออะไร SOSECURE ต้องขอบอกเลยว่าโดยพื้นฐานแล้ว SOC และ CSOC คือบริการที่มีความหมายเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันเล็กน้อย ดังนี้
- SOC Service (Security Operations Center Service)
เป็นบริการที่มุ่งเน้นการตรวจสอบมาตรการรักษาความปลอดภัยโดยรวมขององค์กร ซึ่งรวมถึงความปลอดภัยทางกายภาพ ความปลอดภัยของข้อมูล และความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยทั่วไปแล้วจะเกี่ยวข้องกับด้านความปลอดภัยในวงกว้าง รวมถึงความปลอดภัยทางกายภาพ (เช่น การควบคุมการเข้าถึงและการเฝ้าระวัง) และความปลอดภัยของข้อมูล (เช่น การปกป้องข้อมูลและการปฏิบัติตามข้อกำหนด) ซึ่ง SOC Service ครอบคลุมบริการด้านความปลอดภัยที่หลากหลาย และไม่จำกัดแค่เรื่องของความปลอดภัยทางไซเบอร์เพียงอย่างเดียว
- CSOC Service (Cybersecurity Operations Center Service)
บริการของ CSOC มุ่งเน้นไปที่บริการที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางไซเบอร์โดยเฉพาะ โดยบริการจะเกี่ยวการตรวจจับ วิเคราะห์ ตอบสนองต่อภัยคุกคาม และเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นหลัก ซึ่งยังรวมไปถึงการโจมตีทางไซเบอร์ มัลแวร์ การละเมิดข้อมูล และปัญหาด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อื่น ๆ
หากพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ SOC Service นั้นจะเน้นบริการด้านความปลอดภัยที่มีความครอบคลุมกว่า ในขณะที่ CSOC คือบริการที่มุ่งเน้นแค่เรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งบริการของ CSOC ก็จะรวมอยู่ใน SOC Service นั่นเอง
รูปแบบการให้บริการ
เจาะลึก 3 ส่วนประกอบสำคัญของบริการ SOC Service จาก SOSECURE
ในส่วนของ SOC Service หนึ่งในบริการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เป็นการพัฒนาศูนย์เฝ้าระวังทางไซเบอร์ให้สามารถตรวจจับภัยคุกคามได้อย่างรวดเร็วจาก SOSECURE นั้น จะมีส่วนประกอบที่สำคัญถึง 3 ส่วนที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กร นั่นก็คือขั้นตอนตั้งแต่การทำ GAP Analysis (Phase 1) เพื่อให้รู้ว่องค์กรจะต้องทำอะไรเพิ่มเติมในการเสริมความแข็งแกร่งให้องค์กรจากสิ่งที่มีอยู่ หลังจากนั้นก็จะมีการทำ Design for Closing GAP (Phase 2) เพื่อออกแบบรูปแบบของสิ่งที่องค์กรต้องทำเพิ่มเติม สุดท้ายก็จะมีการ Inplementation (Phase 3) เพื่อให้การจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังทางไซเบอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพสูงสุดในการตรวจจับการโจมตีทางไซเบอร์ โดยจะครอบคลุมทั้ง 3 ส่วนที่ทำงานร่วมกัน อย่าง People, Process และ Technology ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้จะมีรายละเอียด ดังนี้
โดยทางบริษัท SOSECURE จะมีรายละเอียดการให้บริการทั้งในหัวข้อ People, Process, Technology ดังต่อไปนี้
People
“People” ของ Security Operation Center คือ ส่วนที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างทีมงานที่มีทักษะให้สามารถจัดการการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรายละเอียดที่ครอบคลุมด้าน “People” มีดังนี้
-
- ระดับ 1 (Tier 1) การฝึกอบรม Security Operation Center สำหรับบุคลากรระดับ 1 หรือระดับเริ่มต้นของทีม SOC เป็นการฝึกอบรมเกี่ยวกับการจัดเตรียมความรู้พื้นฐานและทักษะที่จำเป็นในการจัดการงานรักษาความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน
-
- ระดับ 2 (Tier 2) การฝึกอบรม Security Operation Center ระดับ 2 ออกแบบมาสำหรับบุคลากรที่มีทักษะระดับกลาง เพื่อให้สามารถได้รับการฝึกอบรมกับเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น มีตั้งแต่การตรวจสอบภัยคุกคามทางไซเบอร์ในเชิงลึกไปจนถึงการดำเนินการวิเคราะห์ภัยคุกคามขั้นสูง
-
- ระดับ 3 (Tier 3) การฝึกอบรม Security Operation Center ระดับ 3 เป็นหลักสูตรที่มีไว้สำหรับบุคลากรที่มีประสบการณ์และมีทักษะมากที่สุดของทีม SOC Service โดยทั่วไปแล้วบุคคลเหล่านี้มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่สำคัญและซับซ้อนที่สุด ทั้งการตามหาช่องโหว่จากภัยคุกคามแบบละเอียด รวมถึงการวิเคราะห์ภัยคุกคามเพื่อจัดหาแนวทางการแก้ปัญหาในขั้นสูง
-
- ทักษะการพัฒนาความเป็นผู้นำ ทำให้สามารถชี้แนะทีม SOC ในระหว่างที่เจอกับเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยและรักษาขวัญกำลังใจของทีมได้เป็นอย่างดี
-
- ทักษะการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ทำให้สามารถสร้างแผนการรักษาความปลอดภัยระยะยาว จัดสรรทรัพยากร และปรับตัวให้เข้ากับภาพรวมภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงไปได้
-
- ทักษะการจัดการเหตุการณ์ ทำให้สามารถทำความเข้าใจความรุนแรงของเหตุการณ์ จัดลำดับความสำคัญในการเจอกับเหตุการณ์ และสามารถแก้ไขกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามได้อย่างทันท่วงที
-
- ทักษะการจัดการทรัพยากร ทำให้สามารถเรียนรู้วิธีจัดการทรัพยากรตามต้องการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการจัดการบุคลากร งบประมาณ และโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยี การจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพนี้ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความสามารถของทีม SOC Service ได้มากขึ้น
-
- ทักษะการสื่อสารและการทำงานร่วมกัน หลักสูตรการฝึกอบรมในส่วนนี้ครอบคลุมกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อถ่ายทอดข้อมูลภัยคุกคาม สถานะเหตุการณ์ และคำแนะนำสู่ทีม SOC Service ได้อย่างชัดเจน
-
- ทักษะการจัดการเครื่องมือรักษาความปลอดภัย ได้รับความเข้าใจเกี่ยวกับเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้ใน SOC ทั้งในเรื่องของความสามารถและข้อจำกัดของเครื่องมือรักษาความปลอดภัยเพื่อให้สามารถทำการตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลประกอบได้อย่างถูกต้อง
-
- ทักษะการรับมือและจัดการกับภาวะวิกฤติ SOC Manager จะได้รับการฝึกอบรมให้รับมือกับสถานการณ์ที่มีความเครียดสูงและการจัดการวิกฤตอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งรวมถึงการพัฒนาแผนการที่ตอบสนองต่อเหตุการณ์ การดำเนินการตรวจสอบหลังเหตุการณ์ และการเรียนรู้จากเหตุการณ์ในอดีตเพื่อปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยในอนาคต
-
- ระบุและกำหนดบทบาท รวมถึงความรับผิดชอบเฉพาะของสมาชิกในทีม เพื่อให้สามารถกระจายหน้าที่ต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม
-
- กำหนดลำดับชั้นการรายงานที่ชัดเจนภายใน SOC เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้รับมานั้นเป็นไปอย่างถูกต้องตามระบบ
-
- จัดทีม SOC อย่างเหมาะสม เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น โดยอาจจัดโครงสร้างทีมตามกะ (เช่น กลางวัน กลางคืน) หรือปัจจัยอื่น ๆ ตามความต้องการของแต่ละองค์กร
-
- ระบุด้านที่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญพิเศษภายใน SOC Service ของแต่ละองค์กร เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่นอกเหนือจากเหตุการณ์ทั่วไปได้
-
- จัดลำดับความสำคัญของเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยตามความรุนแรง เพื่อช่วยในการกำหนดขั้นตอนการตอบสนองและการยกระดับที่เหมาะสมสำหรับเหตุการณ์ประเภทต่าง ๆ
-
- วางแผนและสร้างตารางเวลาสำหรับบุคลากร SOC เพื่อให้ครอบคลุมทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการกำหนดจำนวนพนักงานที่จำเป็นสำหรับแต่ละกะและการจัดการการส่งมอบกะอย่างมีประสิทธิภาพ
-
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโครงสร้าง SOC ได้รับการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งรวมถึงระบบ SIEM (ระบบที่ทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลด้านความปลอดภัยในรูปแบบต่าง ๆ) ฟีดข่าวกรองภัยคุกคาม และแพลตฟอร์มตอบสนองต่อเหตุการณ์
-
- ฝึกอบรมและการพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าสมาชิกในทีม SOC มีความรู้และเทคนิคที่ได้รับการเรียนรู้ที่ได้รับการอัปเดตอยู่เสมอ
-
- พัฒนาคู่มือหรือเอกสารประกอบเกี่ยวกับการตอบสนองต่อเหตุการณ์เพื่อเป็นแนวทางแก่บุคลากร SOC ให้สามารถเรียนรู้เพื่อนำไปใช้ตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่มีความเฉพาะได้
Process
“Process” ของ Security Operation Center คือ ส่วนที่มุ่งเน้นไปที่กระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจถึงการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งรายละเอียดเกี่ยวกับแต่ละกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ ก็จะมีดังนี้
-
- การบันทึกและการรวบรวมเหตุการณ์ โดยกำหนดวิธีการรวบรวมเหตุการณ์และบันทึกความปลอดภัยจากแหล่งต่าง ๆ ทั่วทั้งเครือข่ายและระบบภายในของแต่ละองค์กร
-
- การจัดหมวดหมู่การแจ้งเตือนตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงระดับรุนแรง เป็นการกำหนดเกณฑ์สำหรับการจัดลำดับความสำคัญและจัดหมวดหมู่การแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยตามความรุนแรงและความเกี่ยวข้อง
-
- การตรวจจับภัยคุกคาม เป็นการสรุปวิธีการและเครื่องมือที่ใช้ในการตรวจจับภัยคุกคามและความผิดปกติด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น
-
- การสืบสวนเหตุการณ์ เป็นการให้รายละเอียดขั้นตอนในการตรวจสอบเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยเมื่อมีการระบุถึงเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยนั้น ๆ แล้ว
-
- การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เป็นการนำวัฒนธรรมของการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องไปใช้เพื่อปรับให้เข้ากับภัยคุกคามที่กำลังพัฒนา
-
- การออกแบบเทมเพลตสำหรับรายงานประเภทต่าง ๆ เช่น รายงานสถานะรายวัน รายงานเหตุการณ์ และรายงานการปฏิบัติตามข้อกำหนด
-
- การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากเครื่องมือและแหล่งที่มาด้านความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อสร้างข้อมูลเชิงลึกด้านความเสี่ยงที่องค์กรอาจพบเจอในอนาคต
-
- การระบุแนวโน้มและรูปแบบด้านความปลอดภัยตามข้อมูลในอดีตเพื่อแก้ไขช่องโหว่และภัยคุกคามในเชิงรุก
-
- การรายงานการปฏิบัติตามข้อกำหนด เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่ารายงานสอดคล้องกับมาตรฐานอุตสาหกรรมและข้อกำหนดด้านกฎระเบียบของแต่ละองค์กร
-
- การจำแนกเหตุการณ์ตามประเภท ผลกระทบ และความรุนแรง
-
- การดำเนินการเพื่อบรรเทาผลกระทบทันทีของเหตุการณ์และป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม
-
- การระบุและกำจัดสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ออกจากเครือข่าย
-
- การกู้คืนระบบและบริการที่ได้รับผลกระทบให้ทำงานอย่างปกติ
-
- วิเคราะห์ว่าสิ่งใดบ้างที่สามารถปรับปรุงได้สำหรับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
-
- การระบุและจัดหมวดหมู่เหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นตามลักษณะของเหตุการณ์ เช่น การติดมัลแวร์ การละเมิดข้อมูล หรือการโจมตี DDoS
-
- การกำหนดบทบาทและความรับผิดชอบของสมาชิกทีม SOC ในแต่ละระยะของเพื่อการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่มีความแม่นยำมากขึ้น
-
- การสร้างโปรโตคอลการสื่อสารทั้งภายในทีม SOC และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายนอก เช่น ทีมบังคับใช้กฎหมาย หรือทีมตอบสนองต่อเหตุการณ์ เป็นต้น
-
- การตรวจสอบว่าแผนตอบสนองต่อเหตุการณ์สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมายและข้อบังคับหรือไม่
-
- การทดสอบและอัปเดตแผนการตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างสม่ำเสมอ และจัดการฝึกอบรมให้กับสมาชิกในทีม SOC
-
- การจำลองเหตุการณ์ที่สมจริง เช่น การละเมิดข้อมูลหรือการโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ เพื่อประเมินความพร้อมของพนักงานภายในองค์กร
-
- การทดสอบความมีส่วนร่วมของทีมในการฝึกซ้อมเพื่อประเมินการตอบสนอง การสื่อสาร และการทำงานร่วมกันเป็นทีม
-
- การวิเคราะห์ผลลัพธ์ของการฝึกจำลองเหตุการณ์โจมตีเพื่อระบุจุดแข็งและจุดอ่อนในกระบวนการตอบสนองและทำการปรับปรุงในส่วนนั้น ๆ
-
- การตอบสนองต่อเหตุการณ์ด้านการโจมตีมอบโอกาสในการเรียนรู้สำหรับทีม SOC ขององค์กรและช่วยปรับปรุงความสามารถในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยได้มากขึ้น
-
- การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพที่จำเป็นสำหรับ SOC เพื่อให้มั่นใจถึงความสามารถในการปรับขนาดและประสิทธิภาพ
-
- การเลือกเทคโนโลยีและเครื่องมือรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมซึ่งสอดคล้องกับความต้องการและงบประมาณเฉพาะขององค์กร
-
- การผสมผสานเครื่องมือรักษาความปลอดภัย เช่น ระบบ SIEM (เครื่องมือการจัดการรักษาความปลอดภัยขององค์กร), IDS/IPS (ระบบตรวจจับการบุกรุก/ระบบป้องกันการบุกรุก), ไฟร์วอลล์ และ Endpoint Protection Solutions
-
- การพัฒนาขั้นตอนการทำงานและกระบวนการที่มีประสิทธิภาพภายใน SOC เพื่อปรับปรุงการตรวจจับ การวิเคราะห์ และการตอบสนองต่อเหตุการณ์
-
- การฝึกอบรมพนักงาน SOC เพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละคนมีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีที่นำมาใช้
Technology
“Technology” ของ Security Operation Center คือ ส่วนที่มุ่งเน้นไปที่การใช้งานและการหาโซลูชันเทคโนโลยีที่จำเป็นเพื่อตรวจจับ วิเคราะห์ และตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านความปลอดภัย ซึ่งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ว่าก็จะมีรายละเอียดต่าง ๆ ดังนี้
-
- การรวบรวมข้อมูลจากแหล่งความปลอดภัยต่าง ๆ เพื่อให้สามารถตรวจจับและตอบสนองภัยคุกคามได้อย่างครอบคลุม
-
- การใช้ประโยชน์จากการวิเคราะห์และระบบอัตโนมัติขั้นสูง เพื่อตรวจจับภัยคุกคามและดำเนินการตอบสนองแบบอัตโนมัติ
-
- การอำนวยความสะดวกในการประสานงานและการตอบสนองต่อเหตุการณ์ด้านการโจมตี เพื่อให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถทำงานร่วมกันและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้แบบเรียลไทม์
-
- ความสามารถในการปรับขนาดได้รับการออกแบบมาเพื่อให้องค์กรปรับขนาดตามความต้องการด้านความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นและภัยคุกคามที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้
-
- การรวบรวมข้อมูลภัยคุกคามภายนอกจากแหล่งต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลกเพื่อเพิ่มความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามขององค์กร
-
- การบริหารและจัดการกับสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในส่วนของเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับการตรวจจับเหตุการณ์ การตอบสนอง และการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
-
- การตรวจจับภัยคุกคามในเชิงรุกเพื่อให้องค์กรสามารถค้นหาภัยคุกคามเชิงรุกและวิเคราะห์ขั้นสูงเพื่อเปิดเผยภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่ได้
-
- การรายงานและการวิเคราะห์ขั้นสูงเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาพรวมด้านความปลอดภัยภายในองค์กร
-
- การรวบรวมบันทึกและข้อมูลเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยจากอุปกรณ์เครือข่าย แอปพลิเคชัน และอุปกรณ์ปลายทาง
-
- การตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์เพื่อให้สามารถระบุความผิดปกติและเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยได้
-
- การสร้างการแจ้งเตือนและรายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์และแนวโน้มด้านความปลอดภัย
-
- ทำงานร่วมกับองค์กรต่าง ๆ เพื่อระบุสถานการณ์ภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นตามแนวโน้มของอุตสาหกรรมและเหตุการณ์ในอดีต
-
- การออกแบบกรณีการใช้งานที่กำหนดเองซึ่งประกอบด้วยเกณฑ์ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า การแจ้งเตือน และเกณฑ์เพื่อตรวจจับกิจกรรมที่น่าสงสัยหรือเป็นอันตราย
-
- กรณีการใช้งานได้รับการปรับแต่งให้ตรงกับเครือข่ายและแอปพลิเคชันเฉพาะขององค์กรจะทำให้มั่นใจได้ว่ากฎการตรวจจับได้รับการปรับแต่งอย่างละเอียด
-
- การผสานรวมกับฟีดข่าวกรองภัยคุกคามต่าง ๆ รวมถึงแหล่งข้อมูล Open Source เชิงพาณิชย์และเฉพาะอุตสาหกรรม
-
- การใช้ประโยชน์จากข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคามเพื่อเชื่อมโยงเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยกับเหตุการณ์ภัยคุกคามที่รู้จักเพื่อปรับปรุงความสามารถของ SOC ในการตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูง
-
- การสร้างฟีดข่าวกรองภัยคุกคามแบบกำหนดเองตามความต้องการเฉพาะขององค์กรหรือภาพรวมภัยคุกคาม
-
- การใช้ข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคามเพื่อระบุภัยคุกคาม จุดอ่อน และรูปแบบการโจมตีที่อาจส่งผลกระทบต่อองค์กร
เรียกได้ว่า องค์ประกอบทั้ง 3 นี้ของ SOC Service หรือ Security Operation Center คือส่วนประกอบที่มีความสำคัญมาก ๆ เพราะไม่ว่าจะเป็น People, Process หรือ Technology ก็จะเป็นส่วนที่ทำงานร่วมกันสำหรับสร้างศูนย์เฝ้าระวังทางไซเบอร์ที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ โดยบริการ SOC Service จาก SOSECURE ยังมาพร้อมข้อดีที่ช่วยพัฒนาให้ทีม SOC สามารถตรวจจับ บรรเทา และตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ในเวลาที่เหมาะสมได้อย่างดีเยี่ยม
“สัมผัสอนาคตของความปลอดภัยทางไซเบอร์ไปกับ SOC Service
SOSECURE พันธมิตรด้านการจัดการภัยคุกคามทางไซเบอร์แห่งยุค”